หากเอ่ยถึงยาคูลท์ (Yakult) เชื่อว่าคงไม่มีใครที่ไม่รู้จักกันอย่างแน่นอน เพราะยาคูลท์ชื่อนี้เราคงได้ยินกันมาตั้งแต่เด็กๆ โดยภายในขวดเล็กๆ 1 ขวดนั้นประกอบไปด้วยสารแลคโตบาซิลัส คาเซอิ, นมคืนรูปขาดมันเนย, น้ำ, น้ำตาล, จุลินทรีย์ชิโรต้า 8 พันล้านตัว และสารแต่งกลิ่นธรรมชาติ ซึ่งเป็นนมเปรี้ยวที่ดีต่อระบบลำไส้ของเราเป็นอย่างยิ่งเลยทีเดียวนะคะ สามารถซื้อได้ตามร้านค้าทั่วไปหรือตัวแทนจำหน่าย แต่ไม่มีจำหน่ายใน 7-11 นะคะ
ยาคูลท์คืออะไร มีส่วนประกอบอะไรบ้าง ?
สำหรับยาคูลท์นั้นจัดเป็นนมเปรี้ยวชนิดหนึ่งที่อุดมไปด้วยจุลินทรีย์แลคโตบาซิลัสที่ยังมีชีวิตอยู่โดยให้ประโยชน์แก่ร่างกายของเราเป็นอย่างมาก เป็นการนำน้ำตาลกลูโคสมาหมักรวมกับนม ซึ่งที่ต้องใช้น้ำตาลในการหมักนั้นก็เพื่อเป็นอาหารให้เชื้อแบคทีเรียที่ดีสามารถมีชีวิตอยู่ได้ในลำไส้โดยไม่ถูกย่อยนั่นเองค่ะ และมีการใช้เชื้อจุลินทรีย์ชิโรต้า เรียกว่าเป็นโพรไบโอติก ซึ่งมีประโยชน์ต่อร่างกายมาก และใน 1 ขวดของยาคูลท์ ให้พลังงานทั้งหมดเพียงแค่ 71 กิโลแคลอรีเท่านั้น ใครที่กำลังลดน้ำหนักอยู่สามารถทานได้นะคะ และการดื่มยาคูลท์เพียงขวดเดียวก็เพียงพอแก่ความต้องการของร่างกายแล้ว แต่พยายามอย่าทานยาคูลท์มากจนเกินไปอาจจะทำให้เกิดอาการท้องเสีย และเกิดอาการอ้วนตามมาได้นะค่ะ(เพราะยาคูลท์ 1 ขวดมีปริมาณน้ำตาลประมาณ 3.5 ช้อนชา) ดังนั้นควรจะทานแต่พอดีๆ แล้วยาคูลท์มีประโยชน์อะไรบ้างหละมาดูกัน
ประโยชน์ของยาคูลท์มีอะไรบ้าง ?
– ช่วยให้ร่างกายมีแบคทีเรียที่มีประโยชน์และจำเป็นแก่ร่างกายของเรา
– ช่วยยับยั้งและฆ่าเชื้อแบคทีเรียไม่ดีออกจากร่างกาย
– ช่วยให้ลำไส้และจุลินทรีย์ที่อยู่ภายในลำไส้เกิดความสมดุล
– ช่วยป้องกันอาการท้องผูก ท้องเสีย หรือท้องร่วง
– ทำให้แบคทีเรียที่ไม่ดีลดการก่อสารพิษในร่างกายเรา
– ช่วยให้ระบบย่อยดีขึ้นโดยทำให้บริเวณลำไส้เกิดการขยับตัวมากขึ้น
– ช่วยลดอาการอักเสบ ป้องกันการติดเชื้อโรคต่างๆ ของร่างกาย
– ช่วยสร้างเสริมภูมิต้านทานโรคให้แก่ร่างกาย ป้องกันโรคภัยต่างๆ รวมทั้งโรคมะเร็งด้วย
นอกจากนี้ ในผู้หญิงที่กำลังมีน้องอยู่ก็สามารถทานยาคูลท์ได้ค่ะ จะช่วยให้อาหารย่อยได้ดีระหว่างตั้งครรภ์ และหากใครที่อยากดื่มวันละ 2 ขวด ก็สามารถดื่มได้เช่นกันนะคะ ไม่มีโทษแต่อย่างใด แต่ไม่ควรดื่มมากถึง 6 ขวด เพราะอาจทำให้เกิดอาการท้องเสียและความอ้วนจะมาเยือนได้เพราะน้ำตาลภายในยาคูลท์ร่างกายเอาไปใช้ได้หมด สุดท้ายแล้วไม่ว่าจะรับทานอะไรเข้าไปแล้วจะต้องรับประทานอย่างพอดี และอย่าลืมออกกำลังกายกันด้วยนะคะ
ขอขอบคุณภาพจาก bloggang และ vcharkarn