กรดโฟลิก คืออะไร มีประโยชน์และสรรพคุณต่อร่างกายในด้านไหนบ้าง ทานเยอะแล้วมีผลร้ายอย่างไร

บางท่านอาจจะเคยได้ยินในชื่อของ กรดโฟเลต หรือวิตามินเอ็ม เรามักจะได้ยินบ่อยครั้งว่ากรดโฟลิกนี้จำเป็นอย่างมากสำหรับคุณแม่ที่กำลังตั้งครรภ์ เพราะสามารถลดความเสี่ยงที่ลูกน้อยจะเกิดมาผิดปกติ หรือพิการได้นั่นเอง แต่น้อยคนนักที่จะรู้ว่าแท้จริงแล้วกรดโฟลิกคืออะไร มีประโยชน์อย่างไร และอยู่ในอาหารประเภทใดบ้างกรดโฟลิก คืออะไร

ประโยชน์ และสรรพคุณของกรดโฟลิก

  • กระตุ้นร่างกายให้สามารถสร้างแอนติบอดี้ เพื่อต่อสู้กับโรคต่างๆที่กำลังรับมือ ดังนั้นผู้ที่กำลังป่วยเป็นโรคร้ายต่างๆ จึงควรได้รับสารอาหารประเภทนี้อย่างเพียงพอ ควบคู่ไปกับการรักษา
  • สามารถช่วยสาวๆ เรื่องสีผิวไม่สม่ำเสมอได้เป็นอย่างดี แต่ก็ควรได้รับในปริมาณที่พอเหมาะ ไม่มากจนเกินไป
  • ช่วยรักษาอาการซีด หรือโลหิตจางได้
  • สามารถลดความเสี่ยงในการเกิดโรคมะเร็งบริเวณต่างๆ ได้ เพราะกรดโฟลิกจะไปกระตุ้นให้ร่างกายสร้างแอนตี้บอดี้นั่นเอง
  • ช่วยชะลอให้ผมหงอกช้าลงได้ แต่เพื่อให้ได้ประสิทธิภาพอย่างเต็มที่ ควรรับประทานคู่กับวิตามินบี 5

กรดโฟลิก

อาหารที่มีกรดโฟลิก

  1. ตับวัว อาหารที่เสริมทั้งธาตุเหล็ก และโฟลิก ไปพร้อมๆกัน หาซื้อมาทำอาหารได้ง่ายๆ
  2. ไข่แดง วัตถุดิบที่หาได้ง่ายแสนง่าย แต่เต็มไปด้วยคุณค่าทางอาหาร ทั้งโปรตีน ธาตุเหล็ก ไขมันที่จำเป็นต่อร่างกาย และกรดโฟลิก ดังนั้นคุณแม่ที่กำลังตั้งครรภ์ ควรหันมารับประทานเมนูไข่เป็นประจำ
  3. ฟักทอง ไม่ได้ให้เพียงกรดโฟลิกที่จำเป็นในขณะตั้งครรภ์เท่านั้น แต่ยังเป็นอาหารที่ช่วยบำรุงให้คุณแม่มีน้ำนมเลี้ยงเจ้าตัวน้อยได้อย่างเพียงพออีกด้วย
  4. ผักใบเขียวต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น ผักคะน้า ผักกวางตุ้ง ผักบุ้ง หรือผักใบเขียวชนิดอื่นๆ ก็มีกรดโฟลิกด้วยกันทั้งนั้น แถมยังมีวิตามิน และกากใยอาหารสูง ช่วยในเรื่องของการขับถ่ายอีกด้วย
  5. มะละกอแขกดำสุก ที่มีกรดโฟลิกมากถึง 255 ไมโครกรัม แถมยังช่วยเรื่องผิวพรรณให้สดใส เปล่งปลั่ง และช่วยให้ระบบขับถ่ายดีขึ้นอีกด้วย

เกร็ดความรู้

  • สำหรับสตรีที่ตั้งครรภ์ควรได้รับกรดโฟลิกมากกว่าปกติถึง 2 เท่า เนื่องจากเมื่อตั้งครรภ์ร่างกายจะดูดซึมกรดโฟลิกได้น้อยลงกว่าปกติ
  • การรับประทานกรดโฟลิกปริมาณมาก หรือติดต่อกันเป็นระยะเวลานาน อาจทำให้มีฤทธิ์ต่อต้านยารักษาโรคมะเร็งบางชนิด ดังนั้นผู้ที่ต้องการรับประทานไปพร้อมกับการรักษาโรค ควรปรึกษาแพทย์ก่อน
  • กรดโฟลิกไม่เหมาะกับผู้ที่เป็นโรคลมชัก เนื่องจากอาจจะไปทำปฏิกิริยากับยาบางประเภท และทำให้ผู้ป่วยเกิดอาการชักได้ง่ายขึ้น
  • หากปริมาณกรดโฟลิกในร่างกายของคุณแม่ที่ตั้งครรภ์น้อยกว่าร้อยละ 25 จะมีความเสี่ยงต่อการพัฒนาของสมอง และระบบประสาทมาก