สมุนไพร ถือว่าเป็นหนึ่งในพืชพรรณจากธรรมชาติที่มีประโยชน์ต่อสุขภาพและร่างกายของเรามาอย่างยาวนาน มนุษย์เราล้วนนำเอาสมุนไพรหลากหลายชนิดเพื่อนำมาเป็นยารักษาโรค ยาบำรุง หรือใช้เป็นสารสกัดต่างๆ โดยหนึ่งในสมุนไพรที่ได้รับความนิยมมาตั้งแต่อดีตก็คือก็คือ “ถั่งเช่าเห็ดหลินจือ”
ถั่งเช่าและเห็ดหลินจือ คืออะไร
ถั่งเช่าและเห็ดหลินจือถือว่าเป็นสมุนไพรที่หลายคนน่าจะเห็นได้ยินชื่อกันอยู่บ้าง ถั่งเช่าคือสมุนไพรจากประเทศจีนที่ได้รับความนิยมตั้งแต่ศตววรษที่ 15 เลยทีเดียว เป็นพืชที่พบได้ในดินภูเขาหิมะที่มีอากาศหนาว
มีลักษณะเป็นเส้นยาวๆสีน้ำตาลอ่อนจนหลายคนเรียกกันติดปากว่าหญ้าหนอนนั่นเอง ประกอบไปด้วยสารอาหารและแร่ธาตุที่มีประโยชน์หลายชนิด เช่น โปรตีน กรดอะมิโน สารคอร์ไซปิน กรดคอร์ไดเซปิก วิตามินบี 1, บี 2 และ บี 12 วิตามินอี วิตามินเค และสารสเตอรอล เป็นต้น
เห็ดหลินจือคือเห็ดชนิดหนึ่งที่มีขนาดใหญ่ มีสีเข้ม มีลักษณะคล้ายไม้มันวาว และมีรสขม โดยได้รับความนิยมทั้งประเทศจีนและประเทศญี่ปุ่น ประกอบไปด้วยสารอาหารและแร่ธาตุที่มีประโยชน์หลายชนิด เช่น ไกลโคโปรตีน แคลเซียม โพแทสเซียม ธาตุเหล็ก ฟอสฟอรัส ทองแดง แมกนีเซียม เซเลเนียม สังกะสี สเตียรอยด์ เทอร์ปีนอยด์ ฟีนอล นิวคลีโอไทด์ พอลิแซ็กคาไรด์ และกรดอะมิโนไลซีน
ประโยชน์ที่ดีจากถั่งเช่าเห็ดหลินจือ
เริ่มต้นกันที่ถั่งเช่ามีสรรพคุณอันโดดเด่นอย่างการเสริมสมรรถภาพทางเพศ ช่วยทำให้รู้สึกกระปรี้กระเปร่า แข็งแรง สดชื่น ระบบประสาทต่างๆดีขึ้น ทำให้รู้สึกปลอดโปร่ง อารมณ์ดี ลดความเครียด และสมองพร้อมใช้งานยิ่งขึ้น
สร้างเสริมภูมิคุ้มกันให้ร่างกายแข็งแรง ไม่เจ็บป่วยง่าย และชะลอความแก่ สำหรับเห็ดหลินจืมีสรรพคุณในการเพิ่มสรรถภาพให้กับร่างกายได้ทุกส่วน ทำให้ระบบเลือดและหัวใจทำให้ได้ดีขึ้น ลดความเสี่ยงต่อการเกิดโรคหัวใจ บำรุงให้ตับแข็งแรง รักษามะเร็งต่อมลูกหมากและลดภาวะต่อมลูกหมากโต
ถั่งเช่าเห็ดหลินจือมีโทษต่อร่างกายหรือไม่
สำหรับใครที่ใช้สมุนไพรทั้ง 2 ตัวนี้หรือกำลังมองหาผลิตภัณณ์ดูแลสุขภาพที่ส่วนผสมของถั่งเช่าเห็ดหลินจือ ควรบริโภคได้ในปริมาณที่พอดี เช่น น้ำชาที่ส่วนผสมของถั่งเช่าเห็ดหลินจือแค่วันละ 1 แก้วก็เพียงพอ ไม่ควรใช้สมุนไพรทั้ง 2 ชนิดติดต่อกันนานเกิน 1 ปี
แต่สำหรับผลิตภัณฑ์ที่เป็นผงชงไม่ควรดื่มติดต่อกันนาน 1 เดือน หากเกิดอาการแพ้ต่างๆ เช่น คันจมูก ปากแห้ง คอแห้ง เลือดกำเดาไหล ถ่ายเป็นเลือด หรือปวดท้อง ควรหยุดใช้และพบแพทย์เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดโรคร้ายแรงต่อร่างกาย