มดลูกอักเสบ อาการเป็นอย่างไร เกิดจากสาเหตุอะไรบ้าง วิธีการรักษาทำได้อย่างไร

อาการมดลูกอักเสบเป็นอย่างไร

มีสาวๆหลายคนที่ป่วยเป็นโรคมดลูกอักเสบแต่ไม่ทราบว่าตนเองเป็น เพราะมดลูกอักเสบมักจะไม่แสดงอาการใด ๆ แต่มักจะทราบจากการตรวจภายใน การตรวจสุขภาพประจำปี หรือการตรวจเมื่อตั้งครรภ์

มดลูกอักเสบ อาการเป็นอย่างไร เกิดจากสาเหตุอะไรบ้าง

โดยจะมีอาการผิดปกติได้หลายแบบ เช่น ปวดหัว คลื่นไส้ มีไข้ อ่อนเพลีย มีตกขาวเป็นสีเทาหรือสีขาวในปริมาณมาก ช่องคลอดมีกลิ่น  รู้สึกปวดช่องคลอด ปวดท้องน้อย หรือปวดหลังอย่างต่อเนื่อง

พบเลือดออกทางช่องคลอด มีเลือดออกและเจ็บในระหว่างที่มีเพศสัมพันธ์ หรือในช่วงที่ไม่ได้ถึงรอบประจำเดือน รู้สึกปัสสาวะติดขัด ปวดขณะปัสสาวะ และปัสสาวะบ่อยกว่าปกติ

สาเหตุของอาการมดลูกอักเสบ

สาเหตุที่ทำให้มีโอกาสเสี่ยงของโรคมดลูกอักเสบเได้นั้น มักกิดจากสาวๆที่ชอบเปลี่ยนคู่นอนบ่อย ผู้ที่ผ่านการคลอดบุตร เคยทำแท้ง การเลือกคุมกำเนิดด้วยวิธีใส่ห่วงคุมกำเนิด หรือการสวนล้างช่องคลอด

ทำให้เชื้อแบคทีเรียเสียสมดุลหรือเข้าสู่ช่องคลอดได้มากขึ้น สาเหตุของฮอร์โมนขาดสมดุล  รวมไปถึงการแพ้สารเคมีในยาฆ่าเชื้ออสุจิเพื่อคุมกำเนิด อาการแพ้ถุงยางอนามัย และผลิตภัณฑ์ระงับกลิ่นช่องคลอดบางตัว เกิดอาการระคายเคืองผ้าอนามัยแบบสอด เคยได้รับการรักษามะเร็งด้วยวิธีฉายรังสี

วิธีการรักษามดลูกอักเสบ

วิธีการรักษามดลูกอักเสบจำเป็นที่จะต้องทำการวินิจฉัยจากแพทย์ ซึ่งจะต้องทำการตรวจภายในเพื่อมองหาว่ามีอาการบวมหรืออาการเจ็บอุ้งเชิงกรานมากน้อยเพียงใด

จากนั้นจะทำการเก็บชิ้นเนื้อตัวอย่างเซลล์หรือตัดเนื้อเยื่อบริเวณปากมดลูกหรือช่องคลอด พร้อมกับส่งไปตรวจในห้องปฏิบัติการเพื่อดูความผิดปกติ จากนั้นจะเริ่มทำการรักษาโดยดูจากความรุนแรงของผู้ป่วย

เมื่อพบว่ามดลูกอักเสบจากอการการติดเชื้อ แพทย์จะทำการสั่งยาปฏิชีวนะเพื่อป้องกันเชื้อแพร่กระจายไปสู่มดลูกและปีกมดลูก ป้องกันอันตรายกับผู้ป่วยเองหรือทารกที่อยู่ในครรภ์ของผู้ป่วย

รวมไปถึงผู้ที่ติดเชื้อทางเพศสัมพันธ์ เช่น โรคหนองในแท้ โรคหนองในเทียม หรือเริม เป็นต้น โดยคู่นอนของผู้ป่วยควรจะต้องรับยาเพื่อรักษาร่วมด้วย งดการมีเพศสัมพันธ์ และเข้าตรวจอาการอีกครั้งเพื่อยืนยันผล

สำหรับท่านที่ใช้ผ้าอนามัยแบบสอด อุปกรณ์พยุงช่องคลอด หรือหมวกครอบปากมดลูก ต้องหยุดใช้ในทันทีเพื่อป้องกันอาการระคายเคือง

วิธีป้องกันโรคมดลูกอักเสบ

สาวๆทุกคนสามารถป้องกันอาการมดลูกอักเสบได้ โดยการเลือกมีเพศสัมพันธ์อย่างปลอดภัย สวมใส่ถุงยาทุกครั้ง ไม่เปลี่ยนคู่นอนบ่อย ไม่ควรมีเพศสัมพันธ์กับผู้ที่มีความเสี่ยงของโรคทางเพศสัมพันธ์

ควรดูแลระดับน้ำตาลในเลือดให้คงที่ หลักเลี่ยงการใช้สารเคมีที่อาจจะก่อความระคายเคืองต่อช่องคลอด เช่น ผ้าอนามัยแบบสอด ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดช่องคลอด น้ำยาสวนล้างช่องคลอด หมวกครอบปากมดลูก เป็นต้น